Dark Mode ทำไมถึงสำคัญ

Dark Mode เป็นสิ่งที่ควรมีมานานแล้ว และเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบมากที่สุด ตั้งแต่ที่โลกนี้มีอุปกรณ์ IT ทำไมเพิ่งมาคิดได้เฮอะ ในบทความนี้เราจะมาแชร์เหตุผลที่ว่า ทำไม Dark Mode ถึงสำคัญครับ

ไม่ใช่แค่ Dark Mode Night Shift ก็ด้วย

ปัญหาของการทำงานผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ คือ “แสงสีฟ้า” ที่ทำให้เรานอนไม่หลับ และเสียสายตาในระยะยาว มีอยู่ช่วงนึง มีฟิล์มกรองแสงสีฟ้าและแว่นกรองแสงสีฟ้ามากมายพยายามโฆษณา ทำการตลาดให้ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือต่างตระหนักและกลัวเกี่ยวกับปัญหาของแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์ที่ใช้งานครับ จนกระทั่ง ผมก็เผลอตกเป็นหนึ่งในการตลาดแบบนั้น และพอใช้งานจริง ๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรขนาดนั้น ตรงกันข้าม ทำให้การทำงานที่ต้องใช้ความเที่ยงตรงของสีมีความผิดเพี้ยน

แต่ความจริง โหมดลดแสงสีฟ้าก็มีให้ใช้งานตั้งแต่ที่เทรนด์ตระหนักถึงแสงสีฟ้าเข้ามามีบทบาทครับ ใน Android เวอร์ชั่น 8 เป็นต้นไป เราสามารถตั้งค่าให้ทำหน้าจอสีเหลือง ๆ ได้ตอนเย็น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานมือถือสามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้น ตรงนี้มีผลกับสมองจริงครับ ทำให้เรานอนง่ายขึ้น

แต่หลัง ๆ มา ไม่ใช่แค่ Night shift อย่างเดียว ยังมี Theme สีมืดซึ่งทำให้เราใช้งานตอนกลางคืนแล้วไม่รู้สึกปวดตา หรือนอนหลับง่ายขึ้น

ถ้าเป็นมือถือจอ OLED จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่เวลาใช้งานกลางคืน

ผมแนะนำว่า ถ้าใครจะซื้อมือถือในช่วงเวลานี้ อยากให้มองเป็นจอ OLED, AMOLED ไปเลยดีกว่าครับ เหตุผลเพราะว่า ถ้าใช้ Dark Mode จะประหยัดแบตกว่าเดิม เนื่องจากหน้าจอ OLED, AMOLED จะใช้ไฟจากเม็ดพิกเซลจริง ๆ ในขณะที่จอ IPS จะใช้จากไฟ Backlight ข้างหลังจอ ซึ่งต่อให้ตอนนั้นโชว์สีดำ แต่ก็ยังมีแสง Backlight อยู่

แต่บางแบรนด์ เห็นแบบนี้แล้ว ก็ลดขนาดแบตเตอรี่ลงซะงั้น ซึ่งข้อดีของจอ OLED, AMOLED ตรงนี้ทำให้เราใช้งานตอนกลางคืนได้โดยไม่ต้องกลัวแบตหมด แต่ต้องดูด้วยว่าเปิด Dark Mode หรือยัง

สายงานบางสายงานที่ต้องทำงานกับสี จำเป็นต้องใช้ Dark Mode

สายงานที่ว่า เช่น งานด้านตัดต่อวีดีโอที่มีการปรับสี หรือสายงานด้านการถ่ายภาพ ที่ต้องปรับสีของภาพตามที่ต้องการ ซึ่งถ้าเราใช้ Theme สว่าง ทำให้สมาธิจะวอกแวก และความสว่างของ Theme ทำให้เราโฟกัสไปที่รูปภาพหรือวีดีโอที่อยู่ตรงหน้ายากยิ่งขึ้น

ซึ่งนี่คือสาเหตุที่ทำไมแอพแต่งภาพ หรือแอพตัดต่อวีดีโอ ต้องทำ UI ออกมาเป็นสีมืด ๆ ด้วย

ไม่ใช่แค่ Dark Mode ของระบบอย่างเดียว แอพหรือหน้าเว็บก็ต้องรองรับด้วย

ในปัจจุบัน เว็บ YouTube, Twitter รองรับการใช้งานแบบ Dark Mode และปรับเองอัตโนมัติตามระบบของคอมพิวเตอร์ ซึ่ง ณ ตอนนี้ Mac OS รุ่นใหม่ ๆ สามารถตั้งค่า Dark Mode โดยอัตโนมัติ ในขณะที่ Windows ในตอนนี้ยังทำไม่ได้ โดยตอนนี้ มีหลาย ๆ แอพสามารถทำ Dark Mode ได้ เช่น Facebook, Twitter, YouTube, IG, ฯลฯ

แต่น่าเสียดายที่ Gmail, Google Docs, Google Sheet ยังไม่รองรับ Dark Mode รวมถึง WordPress ด้วย ทำให้เวลาทำงานตอนกลางคืนจะแอบปวดตานิดตัว ต้องใช้ Night Shift ลดแสงสีฟ้าลง

ถ้าใครมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ หรือส่วนใหญ่ใช้งานตอนกลางคืน เช่น พวก Freelancer ที่ตั้งเวลาว่า จะทำงานตอนกลางคืน หรือเป็น DJ ควรปรับ Dark Mode เอาไว้ครับ

Campzzz