Campzzz

จริง ๆ ผมมี Mechanical Keyboard มาแล้ว 3 ตัวด้วยกัน ตัวแรกคือ Neolution Esport Titan รุ่นแรก ที่ใช้ Kailh Red Switch ซึ่งยุคนั้น สวิตช์ของ Kailh เสียง่ายมาก ๆ ปัจจุบันหายไปไหนไม่รู้แล้ว ตัวที่สอง คือ Rosewill Cherry Blue Switch ก่อนหน้านั้นใช้มันมาก เป็นคีย์บอร์ดที่ใช้มาตลอด 5 ปี ซึ้อตั้งแต่ช่วงทำงานที่บริษัทใหม่ ๆ ตอนนี้ยังไม่เสียเลย และตัวที่ 3 คือ Signo Infesta Optical Red Switch ที่จะพูดถึงใน Post นี้ครับ

ราคาที่ซื้ออยู่ที่ 1,090 บาท ซื้อผ่าน Lazada (หลัง ๆ เวลาผมซื้อของ IT ผมสั่งผ่านทางออนไลน์หมดครับ เพราะบ้านผมอยู่ที่ต่างจังหวัดแล้ว ใช้วิธีการสั่งแบบนี้เอา) มาดูกันว่า มีอย่างไหนที่ผมประทับใจครับ

สัมผัส Red Switch ที่อยากได้ตั้งนานแล้ว

มันเป็นสัมผัสเดียวกับ Neolution Titan เลยครับ แต่เบากว่า และไม่ฝืด ของ Neolution Titan ถ้าใช้ไปนาน ๆ มีฝืด ที่แย่ยิ่งกว่าคือบางปุ่มกดได้ บางปุ่มกดไม่ได้ บางปุ่มกด Double ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับคีย์บอร์ด Mechanical ตั้งแต่นั้นมา ผมเลยไม่กล้าซื้อคีย์บอร์ดประเภทนี้มาใช้งานอีกเลย

แต่ถ้าจะซื้อ ก็ซื้อคีย์บอร์ดที่ใช้สวิตช์ของ Cherry นั่นคือ Rosewill

ปัจจุบันคีย์บอร์ดตัวนี้ใช้ไปนาน ๆ มีฝืด และใช้แรงกดในการพิมพ์เยอะอย่างน่าตกใจ แต่น้องกลับชอบซะงั้น ตัวผมกำลังมองหาคีย์บอร์ด Mechanical ตัวใหม่ที่ใช้สวิตช์แดง และไปเจอคีย์บอร์ดแบบ Optical ของ Signo

ผมรู้ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับ Optical Switch มาบ้างแล้ว เทคโนโลยีของเค้าสามารถแก้ปัญหากดแล้วไม่ไป หรือกดแล้วพิมพ์ซ้ำ ซึ่งจะเจอกับคีย์บอร์ด Mechanical ที่ไม่ได้ใช้สวิตช์ของ Cherry (ซึ่งเคยซื้อมาทีนึง ภายหลังทิ้งแล้ว เสียดายเงินเป็นพันมาก ๆ)

ด้วยราคาค่าตัวที่ไม่แรงมาก ถ้าเทียบกับคีย์บอร์ด Mechanical ตัวอื่น ๆ ตามท้องตลาด แถมมีไฟ RGB ด้วย ก็เลยสั่งซื้อมา ราคาก็แรงใช้ได้ เป็น 1,000 กว่าบาทเลย ถ้าพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่และคนในครอบครัว มีหวังโดนด่าจนหูชาแน่ เพราะคีย์บอร์ดมันต้องราคาหลักร้อยสิ

แรก ๆ ที่ใช้ไม่ถนัดเลย

เพราะผมชินแรงกดของคีย์บอร์ด Rosewill ที่ใช้ Cherry MX Switch สีฟ้า ซึ่งใช้แรงกดมากกว่าสวิตช์แดง และการกดมันมีการคลิกด้วย ทำให้แรก ๆ ของการใช้งานคีย์บอร์ดของ Signo มันจะช้า ๆ หน่อย

แต่พอใช้งานประมาณสัปดาห์กว่า ๆ รู้สึกว่า คีย์บอร์ดตัวนี้เป็นหนึ่งในคีย์บอร์ดที่ผมชอบมากตัวนึง เพราะแรงกดของมันที่น้อย และการกดมันไม่มีการคลิกหรือเสียงที่ดัง ๆ จนคนรอบข้างรำคาญ และไฟ RGB ที่แถมมาให้ด้วย กลายเป็นว่า ชอบตัวนี้ขึ้นมาทันที อย่าดูถูกแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ราคาจับต้องได้แบบนี้ล่ะ (แต่เมาส์ของ Signo ถ้าไม่ใช่เซนเซอร์ของ Pixart ไม่กล้าซื้อมาใช้อ่ะ อยากใช้ไปนาน ๆ ตอนนี้เมาส์ที่ใช้เซนเซอร์ Pixart และสวิตช์ Huano ถือว่าใช้เล่นเกมได้สบาย)

การใช้งานท่าจะยาว

ยาวแน่นอนครับ ยิ่งใช้พิมพ์บล็อกอะไรด้วย บอกเลยว่า ใช้งานยาว ๆ ใช้งานทั้งเล่นเกม พิมพ์บทความ หรือใช้งานด้าน Graphic ที่สำคัญ คีย์บอร์ดตัวนี้ทำความสะอาดง่ายกว่าตัวเก่าอย่าง Rosewill ส่วนเรื่องการเปลี่ยน Switch จริง ๆ เปลี่ยนได้ แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้ Switch ของเจ้าไหน

และคีย์บอร์ดพวกนี้ มีฟังก์ชั่น Anti Ghosting คือเราสามารถกดปุ่มได้หลาย ๆ ปุ่มในเวลาเดียวกัน ถ้าเป็นคีย์บอร์ดราคาถูก ๆ ที่ใช้ Rubber Dome

ราคาน่าคบหา คุณภาพใช้ได้อย่างที่ต้องการเลย

แต่ถามว่าคีย์บอร์ดตัวนี้หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปได้ไหม ตอนที่ผมไปที่ Fortune Tower รู้สึกไม่เห็นคีย์บอร์ดตัวนี้วางขายอยู่นะครับ ผมไม่เห็นเลย ส่วนใหญ่คีย์บอร์ดของ Signo ที่วางขายก็จะราคาหลักร้อย พวกที่ใช้ Rubber Dome อยู่ แต่ Mechanical Keyboard เท่าที่ผมดูมาในร้านออนไลน์ของ Signo หลัง ๆ มาเปลี่ยนเป็น Optical Switch หมดแล้ว ไม่ได้ใช้ Mechanical Keyboard แบบเมื่อก่อนที่ใช้ทองแดงเป็นสื่อนำข้อมูล

ข้อเสียของ Keyboard ตัวนี้

ข้อเสียของ Keyboard ตัวนี้คือ ไฟ RGB ที่มันเปลี่ยนไฟแค่ด้านข้างของคีย์บอร์ด ถ้าตรงแป้นคีย์บอร์ด เหมือนไฟจะไม่เปลี่ยน มันจะค้างอยู่ที่สีเดิมตลอดเวลา แต่มีโหมดเปลี่ยนการแสดงไฟต่าง ๆ ถึง 18 โหมดด้วกัน บางโหมดก็ทำออกมาดี บางโหมดก็ งั้น ๆ

แต่ถ้าใครไม่ชอบใช้ไฟ RGB ก็ทำได้ โดยการปิดไฟ RGB แต่เราจะไม่เห็นตัวอักษรที่ปรากฎบนแป้นพิมพ์ ต้องเปลี่ยน Keycap แบบทึบอีกที

นอกจากนี้ เหมือนตัวคีย์บอร์ดมันกว้างไป ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ทาง Signo ออกคีย์บอร์ดแบบ 60% แล้วลดราคาต้นทุน Switch อีกที แต่พอไปเช็คดูในตลาดที่แบรนด์ดัง ๆ ขาย ดันแพงกว่าคีย์บอร์ดแบบปกติซะอีก ผมคิดว่า แค่คีย์บอร์ดแบบ 60% ก็เอาอยู่แล้ว ไม่ค่อยได้ใช้พวก Page Up Page Down หรือแป้นตัวเลข (เว้นแต่ว่ายังเล่น Audition โหมด 8 ปุ่มอยู่)

Feeling ในการใช้งานโดยรวม ผมว่าเหมาะกับคนที่ใช้งานระยะยาว และต้องการสินค้าที่ทน และราคาดีครับ ถ้าไม่ซีเรียสกับแบรนด์มาก Signo ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีครับ