ช่วงที่ Hideo Kojima มีปัญหากับ Konami ใหม่ ๆ เกมเมอร์หลาย ๆ คนกลัวว่าอนาคตของวงการเกมกับ Hideo Kojima จะไปทางไหน เอาดีกับการสร้างภาพยนตร์เลยหรือเปล่า เพราะพี่แกก็ชอบดูภาพยนตร์และฟังเพลงในเวลาว่างอยู่แล้ว พอชอบคนไหนก็จะโพสต์ลงใน Social Media ของตัวเอง แต่ความกลัวที่ว่าก็หายไปเพราะหลังจากนั้นไม่นาน Hideo Kojima ประกาศสร้างเกมใหม่ของตัวเอง และได้ Sony Interactive Entertainment สนับสนุนต้นทุนในการผลิตเกมใหม่ของ Hideo Kojima ที่ใช้ชื่อว่า Death Stranding
และเกม Death Stranding สำหรับผม และมุมมองเกมเมอร์หลาย ๆ คนมีมุมมองจาก Trailer ที่ปล่อยมาก่อนหน้านั้นเป็นปี ทั้งการคาดหวังวันวางจำหน่าย รวมถึงการคาดเดาว่าแนวเกมจะเป็นแนวไหน พูดตรง ๆ นะ Trailer ที่ปล่อยออกมาตอนนั้น เกมเมอร์หลาย ๆ คนก็ยังงงกับสิ่งที่ Hideo Kojima นำเสนอ และรวมถึงผู้แสดงในเกมก็ด้วย งงเหมือนกันว่าเกม Death Stranding จะเป็นอย่างไร
จนกระทั่งปี 2019 เป็นปีที่ Surprise แฟนเกมของ Hideo Kojima ที่ตั้งหน้าตั้งตารอเกมใหม่ของ Hideo Kojima ที่ไม่ได้จัดจำหน่ายโดย Konami สมหวังกันสักที เพราะงาน E3 ปี 2019 ประกาศวางจำหน่ายเกม Death Stranding ให้แฟน ๆ ได้เล่นกันและสนุกไปกับโลกในเกม เกมนี้เป็นอย่างไร มาอ่านรีวิวว Death Stranding กันครับ
AESTHETIC (ความสุนทรีย์)

Hideo Kojima เน้นการใช้เพลงจากวง Low Roar เป็นหลัก ซึ่งเพลงของ Low Roar จะเปิดให้ฟังอัตโนมัติในขณะที่เรากำลังเดินทางในเกม ถ้าเป็นทางยาว ๆ เพลงจะเปิดให้ฟังเอง และจะเบาเสียง Sound Effect ในเกมโดยอัตโนมัติ โดยช่วงที่เปิดอาจจะเปิดตอนต้นทาง แต่ส่วนใหญ่ถ้าใกล้ถึงปลายทางของภารกิจ เพลงจะเปิดให้ฟังครับ
ความสวยงามของ Graphic บอกเลยครับว่ากินขาดมาก ใช้ทรัพยากรทั้ง CPU และ GPU ของ PS4 อย่างเต็มเปี่ยม ต่อให้เครื่อง PS4 ที่ใช้เป็นรุ่นแรก ๆ อย่างรุ่นของผมที่ใช้เป็น CUH-1100 ก็ยังรันได้ไม่มีปัญหา และ Graphic ที่ปล่อยออกมาก็ดีงามเกินตัวเลยทีเดียว ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ Decima Engine เค้าล่ะครับ ของดีมาก แต่ไม่รู้ว่า ถ้า Death Stranding พอร์ตลงเครื่อง PC ไม่รู้ว่าประสิทธิภาพจะดีเหมือนใน PS4 ไหม เพราะ Decima Engine ใช้เฉพาะ Hardware ของ PS4 และ PS4 Pro เท่านั้น
แต่อย่าไปพูดถึงเรื่องนั้น เอาเรื่องปัจจุบันก่อน นอกจาก Graphic ที่สวยงามเพราะดึงศักยภาพของ PS4 อย่างเต็มเปี่ยม ยังมีเรื่องการแสดงออกของ Motion Capture ที่บอกคำเดียวว่า เกรด AAA การแสดงสีหน้าไม่มีความแข็ง ถ้าจะเทียบกับภาพยนตร์ดี ๆ สักเรื่อง บอกคำเดียวว่า การดู Cutscene ในเกมนี้เหมือนกับการดูภาพยนตร์ที่นักแสดงแสดงออกมาได้สมบทบาทจริง ๆ ตัวละครหลักที่เห็นในเกม ไม่มีความแข็งเลย และ Cutscene ของเกมนี้ใช้วิธีเรนเดอร์ CG สด ๆ ไม่ใช่ใช้ไฟล์วีดีโอ และการเรนเดอร์ด้วย CG สด ๆ ภาพสวยมากพอแรงอยู่แล้ว ทำให้เวลาดู Cutscene คล้ายคลึงกับการดูภาพยนตร์ เพียงแต่ถือจอยไปด้วย แต่ให้คิดซะว่า จอยคือรีโมทก็แล้วกัน
พูดถึง Cutscene แล้ว อยากบอกว่า องค์ประกอบศิลป์ของ Cutscene ค่อนข้างดูลงตัวและหลาย ๆ Scene ก็ตรงตามองค์ประกอบศิลป์เหมือนภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เลยครับ ทั้งการวาง องค์ประกอบหลัก องค์ประกอบรอง ทำออกมาได้ดีและถูกกฎมาก

ทีนี้มีคำถามคาใจของเกมเมอร์หลาย ๆ ว่า ถ้าไม่เคยเล่นเกมของ Hideo Kojima มาก่อนแล้วมาเล่นเกมนี้ จะเล่นรู้เรื่องไหม คำตอบคือ รู้เรื่องครับ เพราะมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเกมที่ Hideo Kojima สร้างมาก่อนเลย และถ้าเล่นเกมของ Hideo Kojima มาแล้วและมาเล่นเกมนี้ จะได้เจอ Fan Service ในรูปแบบ Easter Egg หลาย ๆ อย่างที่เล่นแล้วรู้สึกว่า นี่แหละ A Hideo Kojima Game ถ้าแฟนเกมที่ไม่เคยเล่นเกมของ Hideo Kojima มาก่อน จะงงว่า มันมีความ A Hideo Kojima Game ตรงไหน คำตอบคือ ทุกอย่างครับ
แต่ถ้าเด่น ๆ เลยคือ การนำเสนอเนื้อเรื่อง การสื่อสารผ่านทางวิทยุ Cutscene ต่าง ๆ ที่พยายามทำให้เหมือนกับภาพยนตร์ที่มีองค์ประกอบศิลป์ดี ๆ เกมของ Hideo Kojima ที่ผ่านมา จะใช้ CG หรือภาพที่ดูเหมือนกับในภาพยนตร์ แม้ว่า Hardware ของเครื่องเล่นเกมในตอนนั้นจะถึงขีดจำกัดก็ตาม ถ้ามันถึงขีดจำกัดเมื่อไร ก็เอาแค่นั้น และถ้าอย่างอื่นล่ะ ขอไม่พูดล่ะกัน ไม่งั้นจะกลายเป็นสปอยเกมนี้ไปเลย
ด้วยความสุนทรีย์ที่ใส่จัดเต็มแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะมีข้อดีเสมอไป ข้อเสียกลับเป็น Content Creator ที่สตรีมเกมหรือกทำคลิปลง YouTube ถ้าใครร้องอ๋อตอนนี้ แสดงว่ากำลังคิดเหมือนผมอยู่แน่นอน ใช่แล้วครับ เพลงของวง Low Roar มีลิขสิทธิ์ ถ้าเอาไปสตรีมหรือทำคลิปแคสเกม ปิดเสียงเพลงด้วย เพราะเดี๋ยวโดนลิขสิทธ์ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร
Gameplay

เกมจะเน้นส่งของเป็นหลัก ซึ่งถ้ามองผิวเผินจะคิดว่า เป็นเกมแนว Adventure ซะมากกว่า ซึ่งถ้าใครไม่รู้จักกับเกมแนว Adventure เดี๋ยวขอเล่าให้ฟังนิดนึงก่อนดีกว่า เพราะเกมแนวนี้ มีมานานมาก
ลักษณะของเกมแนว Adventure คือ เป็นเกมที่เดินทางจากจุด A ไปจุด B ตามที่ตัวเกมกำหนด ส่วนใหญ่เป็นการเก็บของ หรือพูดคุยกับคน พอพูดเสร็จ ตัวเกมให้ไปหาของที่ต้องการ หรือพูดคุยกับคนที่กำหนดต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งตัวเกม Adventure แบบดั้งเดิมตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นเกมเก่า
จนปัจจุบัน เกมแนว Adventure มีวิวัฒนาการเป็นเกมที่ผสมผสานระหว่าง Action เข้าไปด้วย และภาพลักษณ์เกม Action Adventure ตอนนี้ก็เป็นแนว Open World กันหมดแล้ว ซึ่งลักษณะของเกม Death Stranding มีความเป็น Adventure อยู่ไม่เบา
คำถามคือ เกมส่งของมันจะไปสนุกอะไร ระดับ Hideo Kojima ต้องทำให้เกมส่งของที่ฟังดูแล้วไม่น่าจะทำเป็นเกมเกรด AAA ได้ ให้มันเป็นเกมสมเกรด AAA ครับ เพราะระหว่างทางจะเจออุปสรรคต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ขึ้นเขา, ผ่านแม่น้ำ, สภาพอากาศแปรปรวนซึ่งทำให้กล่องใส่พัสดุสนิมขึ้นเรื่อย ๆ, เจอฝูง BT และปะทะกับพวก MULES ฯลฯ ซึ่งที่กล่าวมา มันแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ถ้าอยากรู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านี้อีก แนะนำให้ซื้อมาเล่นดีกว่าครับ และจะสัมผัสกับประสบการณ์ที่หาดูได้ยากในเกมแบบนี้กัน
และในเมื่อระหว่างทางมีอุปสรรค เราก็ต้องเตรียมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่กำลังจะไป อย่างเช่น ถ้าเป็นพื้นที่มีเขาชัน ก็ต้องเตรียมบันไดหรือเชือกปืนเขา ถ้าเจอแม่น้ำที่กว้างมาก ๆ ก็ต้องหาทางที่มีก้อนหินเยอะ ๆ และใช้บันไดก้าวไป ถ้าทางที่ไปจำเป็นต้องใช้ Battery ก็พก PCC Lv2 และระหว่างทางที่ไปก็สร้าง Generator ไปเรื่อย ๆ ได้ แต่ผมแนะนำว่า ควรทำภารกิจให้เราสามารถใส่ Battery สำรองกับตัวเองได้จะดีกว่า ใช้คุ้มกว่าเยอะ
ในการส่งของแต่ละครั้ง จะมีการส่งของอยู่ 3 ประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกัน เช่น Order For Sam, Standard Order และส่งด้วยหุ่นยนต์ ถ้าเป็น Order for Sam จะเป็นการส่งของหลัก หากทำสำเร็จ เนื้อเรื่องเกมก็จะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ส่วน Standard Order จะเป็นการส่งของแบบย่อย ๆ ลงมา จะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ถ้าทำ ค่า Connection ของผู้รับก็จะมากขึ้น และเมื่อมากขึ้น ก็จะมีการปลดล็อกอุปกรณ์เสริมหรืออัพเกรดอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้วให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อ Connection ของคนใดคนหนึ่งอยู่ในจุดที่สูงที่สุด ทำให้เราได้ของที่อัพเกรดดีขึ้นเรื่อย ๆ บางที ผู้รับอาจจะให้ของเป็นการตอบแทน

จะว่าไป อุปสรรคในการส่งของไม่ได้มีแค่การเดินทางเพียงอย่างเดียว การส่งของบางชิ้นจะมีเงื่อนไขพิเศษที่แตกต่างจากปกติ เช่น ส่งของในเวลาที่จำกัด พัสดุแตกหักง่าย พัสดุห้ามจมน้ำ พัสดุหนักพิเศษ และรวมไปถึง ห้ามตะแคง!! ตะแคงคือของเสียทันที ซึ่งเงื่อนไขแต่ละอย่างที่กำหนด เราต้องวางแผนการส่งให้ดี ๆ ซึ่งถ้าส่งของในเวลาที่จำกัด ถ้าอยากได้เกรด S เราต้องส่งของภายในเวลา 5 นาทีเท่านั้น ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็ต้องแค่ 5 นาที
และถ้าคิดว่า เงื่อนไขพิเศษเหล่านี้ยังไม่ท้าทายพอ ก็มี Premium Delivery การส่งยากกว่าเดิม แต่ได้ค่า Connection ที่คุ้มมาก และถ้าทำแล้วได้เกรด S จะได้เกรด S Legends ติดโปรไฟล์ทันที และความยากเพิ่มเติม เช่น จำนวนพัสดุมีเยอะมากขึ้น เวลาที่จำกัดมากขึ้น ซึ่งถ้าถามว่า การส่ง Premium Delivery ยากเกินไปไหม คำตอบคือ ส่วนใหญ่ไม่ได้ยากขนาดนั้น เพียงแต่เราต้องวางแผนการส่งก่อนว่า เราจะส่งอย่างไรให้ได้เกรด S Legends บางทีต้องดูลาดเลาในการส่งของก่อน และเมื่อเราวางสิ่งอำนวยความสะดวกเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เราก็รับภารกิจ ดังนั้น การเล่นเกมนี้ ไม่ใช่แค่คิดจะส่งของอย่างเดียว ยังต้องวางแผนรับมือการส่งของ ต้องใช้สมองในการวิเคราะห์และผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งถ้าใครเป็นคนชอบการออกแบบหรือการรับมือกับปัญหาต่าง ๆ เกมนี้เหมาะกับคุณมากครับ แต่ถ้าอยากฝึกการรับมือปัญหาอะไรต่าง ๆ เกมนี้ก็เหมาะเหมือนกัน

ในระหว่างการเดินทาง เราจะเห็นสิ่งอำนวยความสะดวกจากผู้เล่นคนอื่นเต็มไปหมด แนวคิดหลัก ๆ ของเกมนี้คือ ผู้เล่นทุกคนพร้อมใจกันสร้างพื้นที่ในเกมให้สะดวกและน่าอยู่ ซึ่งแนวคิดนี้ไม่ค่อยพบเจอในเกมเกรด AAA บ่อยนัก ถ้าจะพบ ส่วนใหญ่มาจาก Browser Game หรือเกมเล็ก ๆ ในมือถือหรือที่เล่นในเว็บเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วใน Facebook ที่ให้เราต้องไปทำปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ ในกลุ่มของเรา เพื่อได้ของอะไรบางอย่างจากเกม ซึ่งเกมแนว ๆ นี้ ช่วงแรก ๆ ไม่ได้บังคับให้ติดต่อกับผู้เล่นคนอื่นในโลกออนไลน์ แต่หลัง ๆ ต้องทำ ซึ่งตอนนั้นผมเบื่อมากเลย ผมอยากเล่นเกมนี้คนเดียว แต่ไม่ได้อยากไปยุ่งอะไรกับใคร จำได้ว่า ตอนนั้น การแจ้งเตือนใน Facebook มีแต่เกมเต็มไปหมด ถ้าไม่ทำ ก็ต้องเสียเงินให้กับเกม ๆ นั้น อะไรประมาณนี้
พอมาคิดดู แนวคิดของเกม Death Stranding มีบางอย่างมาจาก Browser Game อยู่บ้าง แต่ไม่ได้ทั้งหมด และตัวเกม Death Stranding ก็ไม่ได้บังคับว่าคุณต้อง Engage กับผู้เล่นคนอื่น จะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ แต่สุดท้าย คุณก็ต้องทำเพราะธรรมชาติของคนทั่วไปที่เป็นสัตว์สังคม บางที ของหลาย ๆ อย่างมาจากผู้เล่นได้สร้างและปูทางให้การเล่นสะดวกยิ่งขึ้น บางทีเราน่าจะช่วยผู้เล่นคนอื่น ๆ บ้างก็ดีนะ ถ้าเราช่วยผู้เล่นคนอื่น ๆ เราก็จะได้ยอด Like จากผู้เล่นคนอื่น และยิ่งถ้าสิ่งที่เราสร้างมีประโยชน์กับผู้เล่นหลาย ๆ คน เราจะได้ยอด Like ถล่มทะลายเลยครับ
ซึ่งการเล่นช่วยเหลือผู้อื่นไม่ใช่แค่สร้างเพียงอย่างเดียว ยังมีเรื่องการบริจาควัตถุดิบในการสร้างสิ่งต่าง ๆ ในเกม ส่วนใหญ่จะเป็นถนนครับ ถ้าเป็นอุปกรณ์อย่างอื่น อย่างพวก Generator, Timefall Shelter ก็สามารถบริจาควัตถุดิบเพื่ออัพเกรดได้เหมือนกัน แต่เวลาสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ จะใช้ค่า Bandwidth ของเราเอง ซึ่งค่านี้ถ้าเราสร้างจนค่า Bandwidth หมด เราจะสร้างอะไรไม่ได้ ถ้าอยากสร้าง ให้รื้อถอนสิ่งที่เราสร้างก่อนหน้านั้นหรือส่งของจาก Standard Order ให้ค่า Connection ของแต่ละเจ้าให้เยอะ ๆ

นอกจากนี้ เรายังสามารถแชร์ของต่าง ๆ ของเราได้ผ่านการ Share Locker ครับ ถ้าสมมติเรามีของเยอะมาก ๆ ก็สามารถแชร์ให้ผู้เล่นอื่นไปใช้งานได้สะบายเลย และพวกกล่องต่าง ๆ ที่ผู้เล่นลืมเอาไว้สามารถส่งให้ผู้เล่นคนอื่นได้ด้วย หรือถ้าจะใช้เอง ก็ใช้ได้เช่นกัน
อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ ป้ายบอกเส้นทางข้างหน้าว่าต้องไปทางไหน ข้างหน้ามีอันตรายไหม ซึ่งมีประโยชน์มากเพราะช่วงที่ต้องผ่าน BT เราต้องเตรียมตัวใช้อุปกรณ์รับมือกับ BT
จะว่าไป ลืมพูดถึงอาวุธในเกมเลย ช่วงแรก ๆ ยังไม่มีอาวุธให้ใช้เยอะ แต่พอผ่านไปซักระยะ เราก็จะได้ใช้อาวุธในเกม มีตั้งแต่ระเบิด ปืนมัดตัว ปืนพก ปืน Assault Rifle และอาวุธต่าง ๆ มากมายที่ตอนนี้ขออุบไว้ก่อน ซึ่งปลายเกมต้องใช้มันแน่ ๆ โดยอาวุธแต่ละอย่างจะรับมือแตกต่างกัน ถ้าสู้กับ BT ต้องใช้อาวุธ Hematic Round หรืออาวุธสีแดง ถ้าใช้อาวุธรับมือกับพวก Mules ก็ใช้อาวุธปกติทั่วไป แต่สิ่งที่ควรรู้คือ ถ้าเราจัดการกับพวก Mules ด้วยกระสูนจริง พวก Mules จะตาย และเมื่อมันตาย เราต้องเอาพวก Mules ไปเผาศพ และถ้าไม่เผาศพ Mules จะกลายเป็น BT และเมื่อเราไม่จัดการ BT ที่มาจากการที่เราฆ่า จะเกิดปรากฎการณ์ Voidout ซึ่งทำให้เรา Game Over และต้องโหลดเซฟเกมใหม่เลยทีเดียว ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรใช้กระสูนจริงจัดการกับพวก Mules ควรเลือกพวก Non-Lethal Assault Rifle หรือ Bola Gun จะดีกว่า

สำหรับอาวุธที่ต่อกรกับพวก BT และ Catcher อาวุธจะเป็นสีแดง และเวลาใช้กระสูน จะต้องใช้เลือดของ Sam ด้วย ซึ่งการใช้เลือดจะใช้จาก 2 แหล่งด้วยกัน จาก Blood Bag และเลือดของ Sam ในตอนนั้น ถ้าอยากรับมือกับ BT ผมแนะนำให้เตรียม Blood Bag ไปด้วยครับ
รู้สึกว่าแนะนำระบบ Gameplay มาเยอะมาพอแล้ว ในระหว่างเล่น Death Stranding มีจุดหงุดหงิดอย่างนึงที่คนเล่นเกมแนว Shooting น่าจะนึกออก ถ้านึกไม่ออก ไม่เป็นไร เพราะเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่สำหรับคนเล่นเกม Shooting แบบ Third Person อาจจะหงุดหงิดไม่น้อย เรื่องที่ว่าคือ ระบบการ Take cover เกมนี้มันไม่มี ถ้าอยากจะหลบศัตรู ก็แค่เข้าที่กำบัง แต่ไม่ถึงชิดกับกำบังและมี Blind Fire เหมือนเกม The Division การหลบ การแอบดู คล้ายคลึงกับเกมแนว Third Person อย่างเกม PUBG เพราะเกม PUBG มันไม่มีระบบเข้าที่กำบังแบบตัวติด ดังนั้น ถ้าอยากจะหลบ จะ Juke ต้องเข้าเอง
อีกเรื่องที่เกมเมอร์ฝั่งตะวันตกบ่นกัน คือเรื่อง Learning Curve ของเกมนี้สูงมาก ถ้าจะมองข้อดีมันก็ข้อดี แต่มันมีข้อเสียสำหรับเกมเมอร์ที่ไม่ต้องการระบบอะไรจุกจิกที่ใช้ได้เฉพาะเกมนี้เท่านั้น ใครที่มีประสบการณ์เกมอื่นมาแล้ว หรือแม้แต่เคยเล่นเกม Metal Gear Solid 5 และมาเกมนี้ ต้องปรับตัวพอสมควร เพาราะเกมนี้มันไม่ใช่เกม Metal Gear Solid ต่อให้มีระบบ Stealth หรือความกวนบาทาของผู้สร้าง แต่ผู้เล่นทุกคนต้องเรียนรู้กับระบบเกมที่วางเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เมื่อเล่นไปสักพัก เราเริ่มรู้ระบบ Mechanic ของเกมแล้ว แต่พวก Mechanic ของเกม Death Stranding ส่วนใหญ่ไปใช้กับเกมอื่นไม่ได้ ถ้าเป็นเกม Shooting อื่น ๆ ไม่ต้องเรียนรู้อะไรเยอะ รู้แค่จัดการศัตรูอยู่ข้างหน้าก็พอแล้ว แต่ Learning Curve ที่สูงก็ไม่ใช่ข้อเสียซะทีเดียว เพราะทำให้ตัวเกมดูแตกต่าง และไม่มีข้อครหาของเกมเมอร์ที่ไม่ได้ต้องการเกมที่ในตลาดซ้ำ ๆ กัน
แต่ปัญหาของเกมที่มี Learning Curve ที่สูงอยู่ที่เวลาให้ผู้เล่นคนอื่นเล่นเกม Death Stranding ต่อ ถ้าผู้เล่นคนนั้นไม่ได้เล่น Death Stranding ตั้งแต่ต้น จะงงกับระบบมาก และเล่นไปก็ไม่สนุก
Story

Death Stranding จะพูดถึงโลกหลังการล่มสลายของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนก็ตาม เมื่อตาย ดวงวิญญาณของพวกเขาจะตกไปสู่ The Beach (ชายหาด) สถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนโลกหลังความตาย และด้วยสาเหตุบางอย่างทำให้โลกมนุษย์ที่เราอยู่กัน เชื่อมต่อเข้ากับ The Beach ทำให้เหล่า BTs (Beached thing) สิ่งมีชีวิตที่เกยฝั่งแล้วมีบางอย่าง “ติด” ตัวเองบนโลก หรือถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆเลยก็คือวิญญาณในโลกแห่งความตายนั้นล่ะครับ ซึ่งเหล่าวิญญาณพวกนี้พวกเขาเป็นปรปักษ์ต่อชีวิต และพยายามที่จะกลืนกินเหล่ามนุษย์โลกที่ยังมีชีวิตรอดอยู่
Death Stranding จะพูดถึงโลกหลังการล่มสลายของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนก็ตาม เมื่อตาย ดวงวิญญาณของพวกเขาจะตกไปสู่ The Beach (ชายหาด) สถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนโลกหลังความตาย และด้วยสาเหตุบางอย่างทำให้โลกมนุษย์ที่เราอยู่กัน เชื่อมต่อเข้ากับ The Beach ทำให้เหล่า BTs (Beached thing) สิ่งมีชีวิตที่เกยฝั่งแล้วมีบางอย่าง “ติด” ตัวเองบนโลก หรือถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆเลยก็คือวิญญาณในโลกแห่งความตายนั้นล่ะครับ ซึ่งเหล่าวิญญาณพวกนี้พวกเขาเป็นปรปักษ์ต่อชีวิต และพยายามที่จะกลืนกินเหล่ามนุษย์โลกที่ยังมีชีวิตรอดอยู่
เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผมไม่ค่อยชอบดูภาพยนตร์หรือซีรีส์อะไรสักเท่าไร ส่วนใหญ่จะเน้นเล่นเกม หรือไม่ก็ฟัง Podcast ทำให้ต้อง Disclaimer กันก่อนว่า รีวิวด้านเนื้อเรื่องของผมอาจจะตกหล่นอะไรบางอย่างไปครับ
Death Stranding เป็นเกมแนว Sci Fi ทำให้ศัพท์เฉพาะในเกมมีเยอะเหลือเกิน ใครที่ไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษระดับนักวิจัย เล่นเกมนี้งงแน่นอนครับ ต้องเปิด Dictionary อ่านไปด้วย มีความรู้ภาษาอังกฤษระดับสื่อสารเป็น พูดทักทายเป็น ขายงานชาวต่างชาติได้ ก็ต้องยอมกับภาษาอังกฤษบางคำในเกมนี้ที่มันเฉพาะทางเกินไป และส่วนสำคัญของเกมนี้อยู่ที่ “เนื้อเรื่อง” พอ ๆ กับ Gameplay ทำให้ใครที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษแล้วมาเล่นเกมนี้ จะรู้สึกไม่อิน และประโยคบางประโยคมีการเล่นคำ ใครไม่สันทัดภาษาอังกฤษบอกเลยว่า ไม่อิน ทั้ง ๆ ที่คำ ๆ นั้นมันคมคายและลึกซึ้งจริง ๆ ก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะถ้าใครไม่ค่อยอินกับเนื่องเรื่องเนื่องจากกำแพงทางภาษา ก็มีนักแคสเกมที่เล่นเกมนี้แปลให้แล้ว หรือมีบางช่องที่ทำบทสรุปเนื้อเรื่องให้แล้ว แบบนี้จะดีกว่า

สำหรับโครงเรื่องของเกมนี้ แน่นอนว่าต้องมีหักมุม แต่การหักมุมของเกมนี้ทำออกมาได้แยบยลมาก เพราะมันมีการหักมุมหลายช่วง เช่น คน ๆ นี้ที่คิดว่าดี ที่แท้คือคนร้าย และคนที่เราคิดว่าเป็นคนร้าย ที่แท้เป็นคนดี ซึ่งมันมีมากกว่านั้น และโครงเรื่องก็คาดเดายาก เล่นกับความสงสัยของผู้เล่นได้ดีเลยทีเดียว เรื่องเนื้อเรื่องมันค่อนข้าง Sensitive เพราะพูดมาก ๆ เดี๋ยวเป็นสปอย เอาเป็นว่า ซื้อมาเล่นเอง
แต่สำหรับผม ในฐานะคนที่รู้ภาษาอังกฤษระดับสื่อสารได้ คุยงานได้ ก็ยังอินกับเนื้อเรื่อง เนื่องจากคำศัพท์ในเกมที่ยาก ๆ เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย และตัวเกมก็มี Subtitle ให้หยุดอ่านในช่วง Codec หรือตอนมอบหมายภารกิจ
บางคนไม่อยากดูเนื้อเรื่อง ก็สามารถ Skip ได้ หรือบางคนที่ต้องเปิด Google Translate ไปด้วยระหว่างเล่นก็สามารถ Pause ไปด้วยได้ครับ เหมือนกับเกมสมัยก่อน และพวก Dialogue ที่ Sam สื่อสารกับ NPC ผ่านทาง Hologram ตรงนี้เราสามารถกด O เพื่อค้าง Dialogue นั้นได้ แล้วก็อ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ซึ่งถ้าใครไม่ได้อยากเสพเนื้อเรื่องด้วยการเปิดดู Dictionary ไปด้วย หรือเปิด Google Translate ไปด้วย ผมยังแนะนำให้ดูสรุปเนื้อเรื่อง Death Stranding ตามเว็บต่าง ๆ หรือพวกคลิปใน YouTube แทน เพราะจะเข้าใจง่ายกว่า
อีกเรื่องนึงที่เหมือนทางผู้พัฒนาหลงลืมไป คือตัวเลือกดู Cutscene ย้อนหลังดันไม่มีในเกม บางทีเราอยากดู Cutscene ย้อนหลังเพราะบางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าเค้าพูดถึงเรื่องอะไร ซึ่งมันไม่มี ถ้าอยากดู Cutscene ย้อนหลัง ไปที่ YouTube Search คำว่า Death Stranding all cutscene อะไรก็ว่ากันไป มีคนอัพโหลดให้แล้ว ในเมื่อมันไม่มี แล้วดันไม่รู้ว่าเค้าพูดอะไรกันเพราะคำศัพท์ที่ใช้มันยาก แต่ตอนนี้รู้แล้ว แล้วดันดู Cutscene ย้อนหลังไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่เกมบางเกมดันมี บางช่วงของเกมที่ทำคลิปรีวิวอันนี้น่าสนใจ แต่ตอนนั้นไม่ได้อัดคลิป และพอเขียน Script ดันอยากจะอัดตอนนั้น แต่มันอัดไม่ได้แล้วเพราะเล่นผ่านตรงนั้นซะงั้น ก็เลยไม่ได้อัด
Performance
เรื่อง Performance ของเกม Death Stranding ตอนแรกผมยังไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไร เพราะเดิมทีเป็นเกม Exclusive ที่ลงให้ใน PS4 เท่านั้น และ Engine ที่ใช้ก็เอาไว้ทำเกมใน PS4 อยู่แล้ว เรื่องสภาพแวดล้อมหรือความสวยงามในเกมจะมีความเป็น Horizon Zero Dawn อยู่ไม่เบา เพราะใช้ตัว Engine ตัวเดียวกัน
แต่เวลาเล่นไปนาน ๆ คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่กับ Performance ของตัวเกม Death Stranding แล้วครับ เพราะบางทีตัวเกมจะแลค และแลคยาวเลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
บัคร้ายแรงถึงขั้นตัวเกม Crash ก็มีให้เห็นเหมือนกัน
บางทีวิ่งอยู่เฉย ๆ รู้สึกเหมือนกระแทกอะไรบางอย่าง มีผลทำให้ของเสียหาย

และเวลาอัพเดท ชอบหลุดการอัพเดท PS4 จะแจ้งว่า ไม่สามารถดาวโหลดได้ และพอไปดู เหมือนเซิฟเวอร์มีปัญหากับการดาวโหลดไฟล์อัพเดทของเกม Death Stranding ครับ
เกมนี้เหมาะกับใคร
ถ้าอ่านถึงขนาดนี้แล้ว คงรู้แล้วครับว่าเกมนี้เหมาะกับเกมเมอร์ประเภทไหน ถ้าเป็นเกมเมอร์ที่ชอบเสพความสุนทรีย์ทางด้านเนื้อเรื่องและประสบการณ์ เกมนี้เหมาะกับคุณมากครับ เหมือนกับว่าคุณได้เข้าสู่ประเทศใหม่ ประเทศที่คุณต้องเรียนรู้ตั้งแต่ต้น และเมื่อชำนาญแล้ว ความท้าทายใหม่ ๆ ก็จะเข้ามาหาคุณ
แต่ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ที่ชอบเล่นแนว Multiplayer เกมนี้ไม่เหมาะกับคุณแน่นอน เพราะเกมนี้ไม่มีโหมด Multiplayer แม้ว่าเกมนี้จะ Online ก็ตาม และถ้าเป็นเกมเมอร์ที่เล่นเกมไม่เกิน 30 นาทีต่อครั้ง แนะนำให้หาเกมอื่นมาเล่นดีกว่าครับ ไม่งั้นซื้อมาแล้วเสียดายเงิน
Leave a Reply